top of page
Search

New Game+ ไม่ได้จำกัดเฉพาะเกมแนว RPG อีกต่อไป

  • beerdara000
  • Sep 15, 2020
  • 1 min read

New Game+ ไม่ได้จำกัดเฉพาะเกมแนว RPG อีกต่อไป


สาเหตุที่โหมด New Game+ เริ่มพบเห็นได้ในเกมฝั่งตะวันตก และเกมแนวแอ็คชัน-ผจญภัย เนื่องจากเกมแอ็คชันสมัยนี้ เริ่มนำองค์ประกอบของเกม RPG มาผสมผสานกับแนวดังกล่าว เช่นมีระบบสกิลแบบต้นไม้, ระบบการฟาร์มและคราฟท์ไอเทม รวมถึงมีฉากจบหลากหลายมากขึ้น และอีกหนึ่งสาเหตุหลัก สวีทโบนันซ่า เล่นง่าย คือพฤติกรรมการเล่นเกมของผู้เล่นส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม คือผู้เล่นต้องการเล่นเกมที่มี Quality of Life ที่ดี เป็นต้น

นอกจากนี้ เกมยุคปัจจุบัน เริ่มมีระบบ Achievement สะสมถ้วยรางวัลจากการทำเงื่อนไขในเกมต่าง ๆ ที่สามารถนำไปอวดกับเพื่อน ๆ ได้ เช่น เล่นเกมจบด้วย Hard Mode, ใช้ไอเทมรักษา HP รวมจำนวน 1,000,000 หน่วย ซึ่งทำให้การเล่นเกมดูมีเป้าหมายกับจุดประสงค์ที่ชัดเจนกว่าเกมสมัยก่อน


ree

ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด ทำให้ New Game+ เริ่มมีบทบาทมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมที่เป็นโหมดเกมเห็นได้เฉพาะเกมประเภท RPG ตอนนี้มันกลายเป็นโหมดเกมสามัญประจำบ้านที่ต้องมีทั้งในเกมแนว RPG, แอ็คชัน-ผจญภัย และมีแนวโน้มว่าเกมประเภทอื่น ๆ อีกมากมายที่อาจจะมีโหมด New Game+ ตามมาอีกในอนาคต

แน่นอนว่าถึงแม้ New Games+ จะเป็นเพียงโหมด Optional เท่านั้น แต่อย่างน้อย โหมดดังกล่าวก็สามารถช่วยให้นักเล่นเกมสายเก็บถ้วย Achievement หรือเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ สามารถดำเนินเล่นเกมต่อไปได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเกรงกลัวที่สิ่งที่ทำมาทั้งหมดจะต้องศูนย์เปล่าจากการเริ่มเกมใหม่ทั้งหมดตั้งแต่เลขศูนย์

หลังจากเกม Chrono Trigger ได้สร้างตำนานเป็น “เกมยอดเยี่ยมตลอดกาล” จากสื่อเกมหลายแห่งทั่วโลก ทำให้เกม RPG เกมอื่น ๆ ได้รับแรงบันดาลใจจากเกมดังกล่าว แล้วสร้างโหมด New Game+ สำหรับคนที่เล่นเกมจบเนื้อเรื่องเป็นรอบแรก จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้โหมด New Game+ ยังคงพบเห็นได้ตามเกมแนว JRPG จนถึงตอนนี้

Counter-Strike เคยมีเวอร์ชันเกมตู้ด้วยนะ


เกมเมอร์หลายคนอาจจะเข้าใจว่า Counter-Strike เป็นเกม FPS ที่มีเฉพาะในระบบ PC เท่านั้น แต่ความจริงแล้ว เกมดังกล่าวก็มีเวอร์ชันเกมตู้ที่พัฒนาโดยทีมงาน Namco (ปัจจุบันคือ Bandai Namco) ซึ่งเปิดตัวในร้านเกมเซนเตอร์ครั้งแรกในปี 2005 เฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น

Counter-Strike เวอร์ชันเกมตู้เรียกว่า Counter-Strike Neo ซึ่งแม้ระบบเกมเพลย์จะคล้ายกับตัวเกมต้นฉบับ แต่การนำเสนอกับฉากบรรยากาศได้ถูกเปลี่ยนแปลงกลายเป็นเกมธีมอวกาศ ไซเบอร์ และนีโอโตเกียวแทน

ชื่อ Counter-Strike ได้รับแรงบันดาลใจจากซีรีส์ทีวี

kinopoisk.ru

ในระหว่างการพัฒนาม็อด Counter-Strike นักพัฒนาม็อดทั้งสองคนได้มีการระดมสมอง เพื่อเลือกชื่อเกมระหว่าง Counter Terror, Counter-Terrorism, Strike Force, Frag Heads, Terrorist Wars, Terror Force และ Counter Force

จนกระทั่ง Gooseman สามารถนึกถึงชื่อซีรีส์ทีวีสัญชาติแคนาดาเรื่องโปรดเรื่องหนึ่ง เป็นซีรีส์แนวอาชญากรรม และต่อต้านการก่อการร้าย โดยซีรีส์ดังกล่าวมีชื่อว่า “Counter Strike” ซึ่งทำให้นักพัฒนาม็อดตัดสินใจใช้ชื่อเกมว่า Counter-Strike โดยให้ความเห็นว่ามันดูเท่ รวมถึงเหมาะกับธีมของเกมเป็นอย่างมาก

โหมด Bomb ไม่ได้เริ่มมีมาตั้งแต่แรก


โหมดวางบอมบ์ ถือเป็นโหมดเอกลักษณ์ของเกม Counter-Strike ที่ได้เขย่าวงการเกมแนว Competitive ทั่วโลก จนทำให้เกม FPS หลายเกมได้รับแรงบันดาลจากโหมดดังกล่าวจนถึงทุกวันนี้

ไม่ได้มีมาตั้งแต่เกมเวอร์ชัน 1.0 แต่เพิ่งเพิ่มมาในเกมเวอร์ชัน 4.0 แล้วโหมดดังกล่าวก็ได้รับความนิยมแซงหน้าโหมดช่วยเหลือตัวประกันในชั่วข้ามคืน ASIA369 นอกจากนี้ โหมดวางบอมบ์ในรูปแบบดั้งเดิมจะสามารถวางระเบิดตรงจุดที่ไหนก็ได้ แต่ต่อมา ทีมงานได้มีการอัปเดตให้สามารถวางบอมบ์เฉพาะในจุด A กับจุด B เท่านั้น


 
 
 

Comments


©2020 by beerdara000. Proudly created with Wix.com

bottom of page